เมื่อปีกลาย ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศพม่าเป็นครั้งที่สอง (ครั้งแรกคือสองปีก่อนหน้านี้) โดยครั้งนี้เป็นการเที่ยว backpack เข้าลึกไปยังใจกลางประเทศพม่า โดยจุดหมายคือเมืองมัณฑะเลย์และพุกาม (เรื่องประสบการณ์เที่ยวพม่านั้นจะเขียนถึงในโอกาสถัด ๆ ไปครับ)
แน่นอนเมื่อพูดถึงพม่าแล้วสิ่งหนึ่งที่จะนึกถึงได้เลยคือความงามแบบสาวพม่า ชาวพม่านั้นขึ้นชื่อเรื่องผิวงามมาแต่ครั้งโบราณจนมีคำพังเพยเอ่ยถึงความงามของอิตถีเพศเอาไว้ว่า “ผิวพม่า นัยน์ตาแขก” คือผิวเนียนสวยแบบสาวพม่า และมีตากลมโตสุกใสแบบสาวแขก หนึ่งในเคล็ดลับความงามของสาวพม่านั้นเกิดจากเครื่องประทินโฉมที่ชาวพม่าใช้กันในเกือบทุกครัวเรือน นั่นคือ “ทานาคา” นั่นเอง (ไม่ใช่ครีมสเตียรอยด์ทาฝ่าเท้าที่มีโฆษณาทางเนตว่าเป็นครีมพม่าแต่อย่างใดนะครับ)
ทานาคา หรือ Thanaka นั้นเป็นผงเนื้อไม้ ดั้งเดิมเลยทำจากเนื้อไม้ของต้นที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Naringi crenulata หรือ Hesperethusa crenulata ซึ่งเป็นพืชในวงศ์ Rutaceae หรือวงศ์ส้มมะนาวนั่นเอง อย่างไรก็ตามทานาคาที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบันนั้นมีการนำไม้ในวงศ์ Rutaceae อื่น ๆ มาทำด้วย อาทิพืชในสกุลแก้วหรือมะขวิดเป็นต้น
ทานาคาอัดแท่ง ซื้อจากตลาดสก็อต ย่างกุ้ง ประเทศพม่า |
ทานาคานั้นได้รับความสนใจในหมู่นักวิจัยเนื่องจากตัวเนื้อไม้ของ Hesperethusa crenulata นั้นมีสรรพคุณป้องกันนรงสียูวีที่ไปทำลายชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย นับว่าทานาคานั้นเป็นเครื่องประทินผิวที่เหมาะกับเมืองร้อนเช่นในแถบเอเชียอาคเนย์นี้จริง ๆ อนึ่งพืชในสกุลแก้วกับมะขวิดที่มีการนำมาทำเป็นทานาคาด้วยนั้นก็มีฤทธิ์รักษาผิวและต้านอนุมูลอิสระด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่มีการเปรียบเทียบว่าใครมีฤทธิ์ดีกว่ากัน
ไม่เพียงแต่ในพม่าเท่านั้น ทานาคายังมีการใช้เป็นเครื่องประทินโฉมในเมืองไทยมาแต่ครั้งโบราณ โดยคนไทยนั้นจะรู้จักกันในชื่อกระแจะ โดยจะนำไปผสมกับไม้จันทน์เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและเรียกรวมกันว่ากระแจะจันทน์ ดังปรากฏในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนว่า “ซับเหงื่อด้วยเนื้อสไบนาง กระแจะจวงจันทน์นางละลายทา” กระแจะนั้นจึงอยู่คู่กับความงามของสาวไทยมาแต่ครั้งโบราณแล้วนั่นเองครับ
No comments:
Post a Comment